วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2556

ประวัติศาสตร์จีน 中国历史

ยุคก้าวสู่จีนยุคใหม่-ปฏิรูปสู่การปฏิวัติ


 
                                                          ร้อยวันแห่งการปฏิรูป   

จักรพรรดิกวางซวี่ หรือกวางสู  

ใน 103 วันนับตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน ถึงวันที่ 21 กันยายน 1898 จักรพรรดิกวางซวี่ หรือกวางสู  光绪 (1875-1908) แห่งราชวงศ์ชิงได้มีคำสั่งให้ปฏิรูปเพื่อจุดมุ่งมายก่อความเปลี่ยนแปลงทางสังคม   และสถาบันต่าง ๆ ความพยายามนี้ได้สะท้อนแนวคิดของพวกนักวิชาการหัวก้าวหน้าที่มีความมั่นใจในราชสำนัก  ที่ต้องการสร้างความก้าวหน้าอย่างเร่งด่วน เพื่อความอยู่รอดของประเทศ   แนวคิดนี้ได้รับอิทธิพลจากความสำเร็จของประเทศญี่ปุ่นที่ปรับประเทศสู่ความทันสมัย   ประเทศจีนประกาศการปฏิรูปครั้งนี้เนื่องจากต้องการสร้างประเทศให้ทันสมัยมากว่าการก้าวสู่ความเข้มแข็งเท่านั้นนั่น  คือนวัตกรรมใหม่ ๆ จะต้องมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงทางสถาบันและปรัชญาทางการเมือง


                            หลังจากแปดประเทศส่งทหารถล่มปักกิ่งสำเร็จ 

                           ก็จับเอาสมาชิกกบฏนักมวยฆ่าตัดหัวกลางถนน


             คำสั่งสำหรับการปฏิรูปนั้น รวมถึงการปราบปรามการฉ้อราษฏร์บังหลวงปฏิรูปการศึกษา ระบบการสอบข้าราชการ ระบบกฏหมาย โครงสร้างทางรัฐบาล การป้องกันประเทศ การบริการไปรษณีย์   นอกจากน้้้นยังพยายาม ปฏิรูปสู่ความทันสมัยในด้านการเกษตร การแพทย์ อุตสาหกรรมเหมืองแร่ และส่งเสริมการศึกษาแนวปฏิบัติแทนที่แนวทางข่งจื่อแนวใหม่  ราชสำนักยังวางแผนส่งนักศึกษาไปศึกษาในต่างประเทศในเบื้องต้นเพื่อสังเกตและศึกษาทางเทคนิค

                                 (ซ้าย) จักรพรรดิกวางซวี่ 光绪 (ขวา) ซูสีไทเฮา 慈禧太后

                แต่แนวคิดการปฏิรูปก็ถูกคัดค้านโดยกลุ่มอนุรักษ์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพวกแมนจู  ซึ่งแย้งว่าการประกาศการปฏิรูปนี้มันเร็วเกินไป ควรจะทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป  ซึ่งฝ่ายหลังนี้ได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายอนุรักษ์นิยมสุดขั้วอย่างนักฉวยโอกาสหยวนซื่อข่าย袁世凯 (1859-1916)  และพระนางฉือสี่หรือซูสีไทเฮา慈禧 ซึ่งได้วางแผนยึดอำนาจจากจักรพรรดิหัวใจนักปฏิรูปในวันที่    21 กันยายน 1898 และว่าราชการแทน ความล้มเหลวในการปฏิรูปนำไปสู่การประหารชีวิตผู้นำการปฏิรูป   6  ราย ผู้นำสำคัญอีกสองรายหนีไปอยู่ต่างประเทศคือ คังโหย่วเหวย 康有为 (1858-1927) และเหลียงฉี่เชา 梁启超 (1873-1929) ไปก่อตั้งสมาคมป่าวฮ๋วงหรือพิทักษ์ราชา 保皇会 แต่ก็ไม่สามารถรักษาสถาบันไว้ได้  

              พระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระจักรพรรดิกวังซวี่ (องค์ที่สี่จากซ้าย)กับข้าราชการ และ ชาวยุโรป ภายหลังจากกบฏนักมวย ประมาณ พ.ศ. 2444

             หลังจากการปฏิรูปล้มเหลว กลุ่มนักอนุรักษ์ได้ให้การสนับสนุนอย่างลับๆ แก่กลุ่มต่อต้านชาวต่างชาติและพวกคริสต์เตียน   ซึ่งสมาคมลับที่รู้จักรกันดีคือยี่เหอถวน 义和团หรือที่รู้จักรสำหรับชาวตะวันตกว่านักมวยซึ่งมาจากชื่อเดิมว่ายี่เหอฉวน 义和拳 (拳หรือฉวนหมายถึงกำปั้น) ปี 1900 พวกนักมวยปักธงทั่วภาคเหนือของประเทศจีน   เผาทรัพย์สินของชาวคริสต์ ฆ่าคนจีนที่นับถือศาสนาคริสต์ เดือนมิถุนายน 1900 พวกนักมวยเข้าปิดล้อมเขตยึดครองของชาวต่างชาติในกรุงปักกิ่งและเทียนจิง เหตุการณ์นี้ทำให้ชาติต่าง ๆ รวมตัวกัน 8 ชาติ 八国联军 เข้าบดขยี้ ราชสำนักชิงประกาศสงครามต่อผู้รุกรานและถูกตีพ่ายอย่างง่ายดาย รัฐบาลถูกบังคับให้จ่ายค่าปฏิกรรมสงคราม  ให้ประหารชีวิตข้าราชการชั้นสูง 10 ราย   และคนอื่น ๆ อีกหลายร้อยคน  อนุญาตให้ต่างชาติมีกองกำลังทหารในประเทศจีนได้  ตามข้อตกลงใน The Protocol of 1901


             ทศวรรษต่อมา ราชสำนักทำการปฏิรูปในหลาย ๆ ด้าน เช่นยกเลิกอุตสาหกรรมที่ล้าสมัย ระบบการสอบแบบแนวทางชองข่งจื่อ   ปรับระบบการศึกษา  การทหารซึ่งใช้รูปแบบของประเทศญี่ปุ่น ทดลองระบบรัฐสภาและใช้ธรรมนูญการปกครอง  แต่ก็ทำอย่างเสียมิได้ มรรคผลที่เป็นรูปธรรมจากการทำการปฏิรูปในครั้งนี้คงการจัดตั้งกองทัพสมัยใหม่ ซึ่งเป็นช่องทางก่อให้เกิดระบบขุนศึกขึ้นมา

การปฏิวัติสู่สาธารณะรัฐในปี 1911


ดร.ซุนกับสมาคมถงเหมิง

                 ความล้มเหลวจากการปฏิรูปของผู้กุมอำนาจ ความพ่ายแพ้ของพวกนักมวย  ได้กระตุ้นความคิดของชาวจีนจำนวนมากว่าการเปลี่ยนแปลงที่จะเป็นไปได้คือ การปฏิวัติอย่างถอนรากถอนโคนด้วยการล้มล้างระบบเก่า ให้สิ้นซากและสร้างสรรค์ระบบใหม่ขึ้นมาแทนซึ่งก็ยังคงยึดตามแบบของญี่ปุ่น ผู้นำการปฏิวัติคือซุนยี่เซียน 孙逸仙(1866-1926) นักเคลื่อนไหวต่อต้านราชวงศ์ชิง ได้รับความนิยมเพิ่มขขึ้นอย่างต่อเนื่องในหมู่ชาวจีน - โพ้นทะเล
                        นักศึกษาต่างแดนโดยเฉพาะในญี่ปุ่น ในปี 1905 ซุนได้ก่อตั้งสมาคมถงเหมิง 同盟会 ในโตเกียวร่วมกับฮ๋วงซิง 黄兴(1874-1916) นักเคลื่อนไหวปฏิวัติชาวจีนที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในญี่ปุ่น  มารับหน้าที่เป็นรองหัวหน้า การเคลื่อนไหวได้รับเงินสนับสนุนจากชาวจีนโพ้นทะเลและด้านการทหารได้รับการสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่ทางทหารภูมิภาค  และนักปฏิรูปบางคนที่หนีออกจากประเทศจีนหลังจากล้มเหลวจากการปฏิรูปร้อยวัน  ปรัชญาการปฏิวัติของซุนคือลัทธิไตรราษฏร์ 三民主义 คือประชาชาติ ประชาธิปไตยและประชาชน

(ซ้าย)  จักรพรรดิผู่หยี  (ขวา) หยวนซื่อข่าย

              การปฏิวัติของซุนเริ่มขึ้นที่หวู่ชาง 武昌 มณฑลหูเป่ย湖北 ในวันที่ 10 ตุลาคม 1911 การก่อการขยายตัวอย่างรวดเร็วสู่เมืองต่าง ๆ สมาชิกของสมาคมถงเหมิงลุกขึ้นมาก่อการพร้อมกันทั่วประเทศ ในตอนปลายเดือนพฤศจิกายน 15 จังหวัดจากทั้งหมด 24 จังหวัดได้ประกาศอิสระภาพจากราชวงศ์ชิง หนึ่งเดือนต่อมา ซุนเดินทางกลับจากอเมริกาซึ่งได้ไปรับบริิจาคจากชาวจีนโพ้นทะเล  และชาวอเมริกันที่เห็นใจการทำงานของซุน วันที่ 1 มกราคม 1912 ซุนจัดตั้งรัฐบาล  และเข้ารับเป็นประธานาธิบดีชั่วคราวที่หนานจิง 南京  แต่อำนาจในปักกิ่งยังคงอยู่ในมือของหยวนซื่อข่าย 袁世凯ขุนศึกที่เข้มแข็งที่่สุด   ณ เวลานั้น เพื่อป้องกันการเกิดสงครามกลางเมือง และการแทรกแซงจากต่างประเทศ   ซุนจึงยอมทำตามข้อเรียกร้องของหยวน ที่จะรวมประเทศจีนภายใต้การนำของหยวนในกรุงปักกิ่ง ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 1912 จักรพรรดิ์องค์สุดท้ายของแมนจผู่หยี 溥儀 ได้สละราชบัลลังก์  ในวันที่ 10 มีนาคม หยวนซื่อข่ายได้สาบาญเข้ารับเป็นประธานาธิบดีของสาธารณะรัฐจีน








ขอขอบคุณข้อมูลจาก 
สารานุกรมเสรี
http://www.thaichinese.net/History/history-modern4.html





















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น