ยุคก้าวสู่จีนยุคใหม่-ปฏิรูปสู่การปฏิวัติ
ร้อยวันแห่งการปฏิรูป
จักรพรรดิกวางซวี่ หรือกวางสู
光绪
ใน 103 วันนับตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน ถึงวันที่ 21 กันยายน 1898 จักรพรรดิกวางซวี่
หรือกวางสู 光绪 (1875-1908) แห่งราชวงศ์ชิงได้มีคำสั่งให้ปฏิรูปเพื่อจุดมุ่งมายก่อความเปลี่ยนแปลงทางสังคม
และสถาบันต่าง ๆ ความพยายามนี้ได้สะท้อนแนวคิดของพวกนักวิชาการหัวก้าวหน้าที่มีความมั่นใจในราชสำนัก
ที่ต้องการสร้างความก้าวหน้าอย่างเร่งด่วน เพื่อความอยู่รอดของประเทศ
แนวคิดนี้ได้รับอิทธิพลจากความสำเร็จของประเทศญี่ปุ่นที่ปรับประเทศสู่ความทันสมัย
ประเทศจีนประกาศการปฏิรูปครั้งนี้เนื่องจากต้องการสร้างประเทศให้ทันสมัยมากว่าการก้าวสู่ความเข้มแข็งเท่านั้นนั่น
คือนวัตกรรมใหม่ ๆ
จะต้องมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงทางสถาบันและปรัชญาทางการเมือง
หลังจากแปดประเทศส่งทหารถล่มปักกิ่งสำเร็จ
ก็จับเอาสมาชิกกบฏนักมวยฆ่าตัดหัวกลางถนน
คำสั่งสำหรับการปฏิรูปนั้น
รวมถึงการปราบปรามการฉ้อราษฏร์บังหลวงปฏิรูปการศึกษา ระบบการสอบข้าราชการ
ระบบกฏหมาย โครงสร้างทางรัฐบาล การป้องกันประเทศ การบริการไปรษณีย์
นอกจากน้้้นยังพยายาม ปฏิรูปสู่ความทันสมัยในด้านการเกษตร การแพทย์
อุตสาหกรรมเหมืองแร่ และส่งเสริมการศึกษาแนวปฏิบัติแทนที่แนวทางข่งจื่อแนวใหม่ ราชสำนักยังวางแผนส่งนักศึกษาไปศึกษาในต่างประเทศในเบื้องต้นเพื่อสังเกตและศึกษาทางเทคนิค
(ซ้าย)
จักรพรรดิกวางซวี่ 光绪 (ขวา) ซูสีไทเฮา 慈禧太后
แต่แนวคิดการปฏิรูปก็ถูกคัดค้านโดยกลุ่มอนุรักษ์
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพวกแมนจู ซึ่งแย้งว่าการประกาศการปฏิรูปนี้มันเร็วเกินไป
ควรจะทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งฝ่ายหลังนี้ได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายอนุรักษ์นิยมสุดขั้วอย่างนักฉวยโอกาสหยวนซื่อข่าย袁世凯 (1859-1916) และพระนางฉือสี่หรือซูสีไทเฮา慈禧 ซึ่งได้วางแผนยึดอำนาจจากจักรพรรดิหัวใจนักปฏิรูปในวันที่ 21
กันยายน 1898 และว่าราชการแทน ความล้มเหลวในการปฏิรูปนำไปสู่การประหารชีวิตผู้นำการปฏิรูป
6 ราย ผู้นำสำคัญอีกสองรายหนีไปอยู่ต่างประเทศคือ คังโหย่วเหวย 康有为 (1858-1927) และเหลียงฉี่เชา 梁启超 (1873-1929) ไปก่อตั้งสมาคมป่าวฮ๋วงหรือพิทักษ์ราชา 保皇会 แต่ก็ไม่สามารถรักษาสถาบันไว้ได้
พระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระจักรพรรดิกวังซวี่
(องค์ที่สี่จากซ้าย)กับข้าราชการ และ ชาวยุโรป ภายหลังจากกบฏนักมวย ประมาณ พ.ศ. 2444
หลังจากการปฏิรูปล้มเหลว กลุ่มนักอนุรักษ์ได้ให้การสนับสนุนอย่างลับๆ
แก่กลุ่มต่อต้านชาวต่างชาติและพวกคริสต์เตียน
ซึ่งสมาคมลับที่รู้จักรกันดีคือยี่เหอถวน 义和团หรือที่รู้จักรสำหรับชาวตะวันตกว่านักมวยซึ่งมาจากชื่อเดิมว่ายี่เหอฉวน 义和拳 (拳หรือฉวนหมายถึงกำปั้น) ปี 1900
พวกนักมวยปักธงทั่วภาคเหนือของประเทศจีน เผาทรัพย์สินของชาวคริสต์
ฆ่าคนจีนที่นับถือศาสนาคริสต์ เดือนมิถุนายน 1900
พวกนักมวยเข้าปิดล้อมเขตยึดครองของชาวต่างชาติในกรุงปักกิ่งและเทียนจิง
เหตุการณ์นี้ทำให้ชาติต่าง ๆ รวมตัวกัน 8 ชาติ 八国联军 เข้าบดขยี้ ราชสำนักชิงประกาศสงครามต่อผู้รุกรานและถูกตีพ่ายอย่างง่ายดาย
รัฐบาลถูกบังคับให้จ่ายค่าปฏิกรรมสงคราม ให้ประหารชีวิตข้าราชการชั้นสูง 10 ราย และคนอื่น ๆ อีกหลายร้อยคน อนุญาตให้ต่างชาติมีกองกำลังทหารในประเทศจีนได้ ตามข้อตกลงใน The Protocol of 1901
ทศวรรษต่อมา ราชสำนักทำการปฏิรูปในหลาย ๆ ด้าน
เช่นยกเลิกอุตสาหกรรมที่ล้าสมัย ระบบการสอบแบบแนวทางชองข่งจื่อ ปรับระบบการศึกษา การทหารซึ่งใช้รูปแบบของประเทศญี่ปุ่น
ทดลองระบบรัฐสภาและใช้ธรรมนูญการปกครอง
แต่ก็ทำอย่างเสียมิได้
มรรคผลที่เป็นรูปธรรมจากการทำการปฏิรูปในครั้งนี้คงการจัดตั้งกองทัพสมัยใหม่
ซึ่งเป็นช่องทางก่อให้เกิดระบบขุนศึกขึ้นมา
การปฏิวัติสู่สาธารณะรัฐในปี 1911
ดร.ซุนกับสมาคมถงเหมิง
ความล้มเหลวจากการปฏิรูปของผู้กุมอำนาจ
ความพ่ายแพ้ของพวกนักมวย
ได้กระตุ้นความคิดของชาวจีนจำนวนมากว่าการเปลี่ยนแปลงที่จะเป็นไปได้คือ
การปฏิวัติอย่างถอนรากถอนโคนด้วยการล้มล้างระบบเก่า
ให้สิ้นซากและสร้างสรรค์ระบบใหม่ขึ้นมาแทนซึ่งก็ยังคงยึดตามแบบของญี่ปุ่น
ผู้นำการปฏิวัติคือซุนยี่เซียน 孙逸仙(1866-1926)
นักเคลื่อนไหวต่อต้านราชวงศ์ชิง
ได้รับความนิยมเพิ่มขขึ้นอย่างต่อเนื่องในหมู่ชาวจีน - โพ้นทะเล
นักศึกษาต่างแดนโดยเฉพาะในญี่ปุ่น ในปี 1905
ซุนได้ก่อตั้งสมาคมถงเหมิง 同盟会 ในโตเกียวร่วมกับฮ๋วงซิง 黄兴(1874-1916) นักเคลื่อนไหวปฏิวัติชาวจีนที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในญี่ปุ่น มารับหน้าที่เป็นรองหัวหน้า
การเคลื่อนไหวได้รับเงินสนับสนุนจากชาวจีนโพ้นทะเลและด้านการทหารได้รับการสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่ทางทหารภูมิภาค
และนักปฏิรูปบางคนที่หนีออกจากประเทศจีนหลังจากล้มเหลวจากการปฏิรูปร้อยวัน ปรัชญาการปฏิวัติของซุนคือลัทธิไตรราษฏร์ 三民主义 คือประชาชาติ
ประชาธิปไตยและประชาชน
(ซ้าย)
จักรพรรดิผู่หยี (ขวา)
หยวนซื่อข่าย
การปฏิวัติของซุนเริ่มขึ้นที่หวู่ชาง 武昌 มณฑลหูเป่ย湖北 ในวันที่ 10 ตุลาคม 1911
การก่อการขยายตัวอย่างรวดเร็วสู่เมืองต่าง ๆ สมาชิกของสมาคมถงเหมิงลุกขึ้นมาก่อการพร้อมกันทั่วประเทศ
ในตอนปลายเดือนพฤศจิกายน 15 จังหวัดจากทั้งหมด 24 จังหวัดได้ประกาศอิสระภาพจากราชวงศ์ชิง หนึ่งเดือนต่อมา
ซุนเดินทางกลับจากอเมริกาซึ่งได้ไปรับบริิจาคจากชาวจีนโพ้นทะเล และชาวอเมริกันที่เห็นใจการทำงานของซุน วันที่ 1
มกราคม 1912 ซุนจัดตั้งรัฐบาล และเข้ารับเป็นประธานาธิบดีชั่วคราวที่หนานจิง 南京 แต่อำนาจในปักกิ่งยังคงอยู่ในมือของหยวนซื่อข่าย
袁世凯ขุนศึกที่เข้มแข็งที่่สุด ณ
เวลานั้น เพื่อป้องกันการเกิดสงครามกลางเมือง และการแทรกแซงจากต่างประเทศ ซุนจึงยอมทำตามข้อเรียกร้องของหยวน
ที่จะรวมประเทศจีนภายใต้การนำของหยวนในกรุงปักกิ่ง ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 1912 จักรพรรดิ์องค์สุดท้ายของแมนจผู่หยี
溥儀 ได้สละราชบัลลังก์ ในวันที่ 10 มีนาคม
หยวนซื่อข่ายได้สาบาญเข้ารับเป็นประธานาธิบดีของสาธารณะรัฐจีน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
สารานุกรมเสรี
http://www.thaichinese.net/History/history-modern4.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น